เชื่อหรือไม่ว่าการทำงานแบบ remote working นั้นเริ่มในหลายๆ ที่ทั่วโลกมาตั้งแต่ก่อนเกิดโรคโควิด-19 ที่ยุโรปในช่วงก่อนโควิด-19 จำนวนคนที่ทำงานแบบนี้มีมากถึง 15% และตอนนี้ 40% ของคนทำงานก็ได้บอกลาการเดินทางไปทำงานที่แสนจะลำบาก และทำงานอยู่ที่บ้าน นั่นก็เป็นเพราะการทำงาน remote working นั้นมีประโยชน์หลากหลาย เช่น ความสามารถในการทำงานที่เพิ่มขึ้น สิ่งรบกวนการทำงาน ค่าใช้จ่าย และความเครียดที่ลดลง ความยืดหยุ่นที่จะกำหนดเวลาทำงาน และความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานที่ดีขึ้น และก็ต้องยอมรับเลยว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในทศวรรตที่ผ่านมา ทำให้เราสามารถทำทุกอย่างได้อย่างง่ายดายผ่าน Zoom, Google Suite, Slack, Asana, Facetime, Skype และอื่นๆ การเป็นพนักงานที่ทำผลงานให้บริษัทไม่ได้เรียกร้องให้เราทำงานที่ออฟฟิสอีกต่อไป และเราก็สามารถทำงานหลากหลายรูปแบบได้ตามปกติจากสถานที่อื่น
ผลกำไร - บริษัทสามารถประหยัดเงินได้ถึง $11,000 หรือประมาณ 334,000 บาท ต่อปี ต่อพนักงานที่ทำงานแบบ remote working หนึ่งคน
ประสิทธิภาพ - พนักงานที่ทำงานแบบ remote working มีประสิทธิภาพมากกว่าพนักงานที่ทำงานในออฟฟิสมากถึง 40%
ผลงาน - พนักงานที่ทำงานแบบ remote working ที่มีโครงสร้างการสนับสนุนที่ดี และอิสระในการทำงาน สามารถทำงานบกพร่องน้อยลงถึง 40%
การเข้างาน - พนักงานที่ทำงานแบบ remote working พึงพอใจในผลงานของตน ช่วยลดการขาดงานลง 41%
อัตราการลาออก - การจ้างงานใหม่ลดลง 12% เมื่อนายจ้างเสนอให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้
เราเห็นแล้วว่านายจ้างนั้นมีความสุขกับการทำงานรูปแบบใหม่นี้ แล้วพนักงานละ พวกเขาปรับตัวอย่างไร สำหรับพนักงานหลายๆ คน การเปลี่ยนไปทำงานแบบ remote working นั้นเป็นเรื่องง่าย และคนที่มองโลกในแง่บวกจึงจะมองเห็นประโยชน์ของมัน
เนื่องจากการทำงานจากที่บ้านกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเรา คนทำงานที่เข้าใจและมีความกล้า ก็เห็นโอกาสทองที่จะได้เดินทางไปตามที่ต่างๆ ถ้าพวกเขาสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ มีหรือจะไม่ออกไปท่องโลก และทำงานจากที่ที่มีอินเตอร์เน็ตดีๆ
หลายๆ ประเทศ ที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลักเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจของพวกเขา กำลังหันมาให้ความสนใจกับ remote workers และดึงดูดคนเหล่านี้ด้วยการเสนอวีซ่าแบบพิเศษ ค่าครองชีพและภาษีที่ต่ำ การศึกษาที่ไม่แพง และโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี ตอนนี้สถานที่ที่สวยงามหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น แองกวิลลา จอร์เจีย ดูไบ บาร์เบโดส จึงต่างแข่งขันเพื่อจะได้ความสนใจ (รวมไปถึงเงินรายได้กำลังเป็นที่ต้องการ)
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในสถานที่อันเป็นที่นิยมของการทำงานจากที่ไหนก็ได้ และเป็นที่รู้กันดีว่าประเทศไทยมีคนท้องถิ่นที่เป็นมิตร อาหารอร่อย ชายหาดสวยงามหลายแห่ง การบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษที่ดี และการเชื่อมต่อระบบ 5G จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมสยามเมืองยิ้มจึงเป็นที่สนใจสำหรับ remote workers จากธุรกิจหลากหลายประเภท คนทำงานผ่านออนไลน์มีตัวเลือกมากมายไม่ว่าจะเป็น hot desk ในกรุงเทพ co-working space ในภูเก็ต หรือออฟฟิสที่ใช้ร่วมกันในเชียงใหม่ และถ้าจะให้พูดกันตรงๆ ความโดดเด่นในการทำงานในประเทศไทยนั่นก็คือ เมื่องานเสร็จคุณก็สามารถไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ได้ในตอนเย็น หรือระหว่างวันหยุดสุดสัปดาห์ และ digital nomads ก็รู้จักไลฟสไตล์สุดพิเศษนี้มาหลายปีแล้ว ทำให้ภูเก็ต กรุงเทพ และเชียงใหม่ กลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงสำหรับการทำงานจากที่ไหนก็ได้ ถ้าคุณลองค้นหาข้อมูลออนไล์ ก็จะพบว่ามีแหล่งข้อมูลและคำแนะนำมากมายที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นไลฟ์สไตล์แบบนี้ได้ไม่ยาก ทั้งที่พักอาศัย co-working spaces ชมรมของคนทำงาน remote working คำแนะนำทางกฎหมาย และอื่น ๆ
เราไม่ควรมองข้ามผลกระทบเชิงลบของการทำงานแบบ remote working สิ่งที่เริ่มต้นจากความแปลกใหม่ที่สนุกสนาน สามารถเปลี่ยนแปลงและเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตได้ อาการที่ควรสังเกตมีดังนี้
แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะวิธีแก้ปัญหานั้นไม่ซับซ้อน วิธีการรับมือกับการทำงานจากที่บ้านอย่างมืออาชีพมีดังนี้
และท้ายที่สุด ต้องไม่ลืมเคล็ดลับในการรักษาสุขภาพจิตที่เป็นประโยชน์ เหล่านี้